23 August 2021

คำถามที่พี่ๆแนะแนว CP International เจอกันทุกวันคืออายุเยอะแล้ว วีซ่านักเรียนจะผ่านไหมซึ่งดูเหมือนหลายคนมีความเข้าใจว่าอายุเยอะแล้วห้ามสมัครวีซ่านักเรียน หรือสมัครแล้วจะไม่ผ่าน ต่างๆนานา วันนี้จะมาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างอายุกับวีซ่านักเรียนออสเตรเลียให้ฟังเป็นแนวทางสำหรับคนที่อายุเยอะแล้วหรืออยู่ในวัยทำงาน แต่ต้องการสมัครวีซ่าเพื่อไปเรียนออสที่ประเทศออสเตรเลีย

“อายุเยอะห้ามสมัครเรียนเหรอ?”

คนจำนวนมากมักเข้าใจผิดว่าออสเตรเลียมีข้อห้ามเรื่องของอายุในการสมัครวีซ่านักเรียน ซึ่งไม่เป็นความจริงนะคะ วีซ่านักเรียนออสเตรเลียไม่ได้มีข้อกำหนดว่าเราจะต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะสมัครเรียนได้ เพียงแต่ในการพิจารณาวีซ่าจะต้องดูองค์ประกอบหลายๆอย่าง เช่น อายุ วุฒิที่จบ ประสบการณ์ทำงาน ความจำเป็นในการไปเรียน ฐานะทางการเงิน สภาพครอบครัวประกอบกันไปค่ะ อายุเพียงอย่างเดียวจึงไม่สามารถบอกได้ว่าวีซ่าของเราจะผ่านหรือไม่ผ่าน ดังนั้นเมื่อเราติดต่อเอเจ้น ควรอธิบายประวัติของเราคร่าวๆให้เอเจ้นทราบเพื่อที่จะประเมินได้นะคะ

3 reasons why you should send your child to study abroad

อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครวีซ่านักเรียนที่มีอายุเยอะหรืออยู่ในวัยทำงานมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนยื่นวีซ่าตามนี้ค่ะ:

  1. อายุกับความจำเป็นในการไปเรียน
    ยิ่งอายุเยอะมากเท่าไหร่ การเรียนก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวออกไปเป็นธรรมดาค่ะ ดังนั้นอันดับแรกเราต้องอธิบายว่าทำไมถึงต้องเป็นคอร์สนี้ ตอนที่อายุเท่านี้ให้ได้สมเหตุสมผลก่อน แน่นอนว่าคอร์สที่สามารถลงเรียนได้นั้นมีตั้งแต่ คอร์สภาษาระยะสั้น ระยะยาว ดิพโพลม่า ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก แต่ละคอร์สก็มีช่วงอายุที่เหมาะสมแก่การไปเรียนที่ต่างกันดังที่บอกไปก่อนหน้านี้ โดยทั่วไปแล้วเรามักจะเจอคนเรียนภาษา ปตรี ป โท ช่วงอายุ 20-30 เนื่องจากเป็นวัยเรียนหรือวัยที่เริ่มทำงานได้ไม่นานมาก กลุ่มนี้มีความจำเป็นต้องเรียนเพื่อไปเป็นทักษะเสริมในการสอบ สมัครงาน หรือต่อยอดการเรียนไปในวุฒิที่สูงขึ้น จึงหาเหตุผลมาอ้างในการไปเรียนได้ง่ายกว่า ในทางกลับกันถ้าคุณอายุ 30 ปลายๆ 40 50 ขึ้นไป แต่ต้องการไปเรียนแค่ภาษาเฉยๆ หรือจะไปลงเรียนทำอาหาร ทั้งๆที่ที่ผ่านมาไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับด้านนี้มาเลย ไม่เคยทำงานที่ต้องใช้ภาษา ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับด้านอาหารมาแม้แต่น้อย แบบนี้ก็จะดูแปลกๆ เพราะเจ้าหน้าพิจารณาวีซ่าอาจตั้งคำถามเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของผู้ไปเรียนได้ ดังนั้นใครที่จะไปเรียนภาษาด้วยช่วงอายุนี้ หรือจะเปลี่ยนสายเรียนโดยสิ้นเชิงก็ต้องเตรียมเอกสารยืนยันความตั้งใจที่จะไปเรียนมากกว่าคนทั่วไปค่ะ หากไม่สามารถหาหลักฐานมาประกอบการอธิบายในจุดนี้ได้ ก็อาจเป็นเหตุผลที่หลายๆเอเจ้นปฏิเสธยื่นวีซ่าให้เพราะมองว่าหลักฐานไม่แน่นพอค่ะ
  2. อายุกับสถานะการทำงาน
    ปัญหาที่มักจะพบเวลาให้คำปรึกษากลุ่มคนในวัยทำงานหรือที่มีอายุเยอะแล้วคืองานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน หลายๆคนมีงานประจำที่มีความมั่นคงทำอยู่ที่ไทยแล้ว อยู่ในตำแหน่งที่เป็นหัวหน้างาน หรือในบางครั้งอาจจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว เหล่านี้ก็สัมพันธ์กับการยื่นวีซ่านักเรียนนะคะ เนื่องจากในหลายกรณีจะต้องลาออกจากงานเพื่อไปเรียนต่อ หรือลาหยุดงานชั่วคราวเพื่อไปเรียนระยะสั้น กรณีแบบนี้ควรมีหนังสือรับรองจากที่ทำงานว่าสามารถให้ลางานได้ (กรณีที่ไทยอาจจะขอเอกสารนี้ยากบ้าง) หรือหากเป็นการลาออกจากงาน ก็ควรมีแพลนสำรองเช่นแบบแพลนธุรกิจในอนาคตที่วางไว้ทำออกมาเป็นสรุป, แพลนหลักสูตรที่ต้องการเรียนต่อ, แพลนตำแหน่งงานที่สูงขึ้นหรือที่สนใจทำ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเมื่อเราเรียนจบแล้วจะกลับมาต่อยอดความรู้ที่ไทย หรือที่อื่น และไม่ได้จะไปปักหลักที่ออสเตรเลียนั่นเองค่ะ ข้อควรระวังคือสำหรับคนที่ไม่มีงานประจำทำ หรือมีแกปว่างงานนานเกิน 6เดือน ก็จะต้องอธิบายเหตุผลที่ว่างจากการเรียน หรือการทำงานมาเป็นเวลานานเพิ่มเติมด้วยนะคะ การมีแกปเยอะก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงวีซ่าด้วยเช่นกัน

  3. อายุกับสถานะครอบครัว
    ในบางกรณีผู้สมัครต้องการทำวีซ่านักเรียนและพ่วงสมาชิกในครอบครัวติดตามไปด้วย ซึ่งก็สามารถทำได้แต่จะต้องอธิบายได้ว่ามีความจำเป็นอะไรจะต้องให้อีกบุคคลหนึ่งติดตามและเขาจะไปทำอะไรระหว่างที่เราไปเรียน ในกรณีที่มีลูกน้อยติดตามไปด้วย ก็ยิ่งต้องระวังในเรื่องของการเลี้ยงดูเด็กระหว่างที่เราไปเรียน กับค่าใช้จ่ายต่างๆที่อาจเพิ่มสูงขึ้นจากการฝาก nursery แบบนี้ก็ต้องคำนึงถึงหลักฐานทางการเงินที่จะต้องมีเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ โดยทั่วไปแล้วการติดตามมักจะมีบ่อยในคนที่เรียนเป็นวุฒิระยะยาว ทำให้ต้องห่างจากครอบครัว หรือต้องพาคนในครอบครัวไปด้วย ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ทำติดตามในคนที่ไปเรียนภาษาแค่เพียงระยะสั้นค่ะ สำหรับคนที่มีครอบครัวหรือญาติอยู่ที่ออสเตรเลียก็ควรที่จะอธิบายความสัมพันธ์และชี้แจงให้เจ้าหน้าที่ทราบอย่างชัดเจนนะคะว่าเราไปเพียงเพื่อต้องการไปเรียนเป็นหลักเท่านั้น ไม่ได้เป็นการไปอยู่ถาวรแต่อย่างใด

  4. อายุกับสถานะทางการเงิน
    หากคุณมีหน้าที่การงานมั่นคงและสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้จากรายได้ที่ตัวเองมี การยื่นวีซ่าก็ควรยื่นเอกสารทางการเงินที่มาจากรายได้ของตัวเองเป็นหลักค่ะ แบบนี้จะทำให้มีความน่าเชื่อถือมากกว่าการพึ่งพาเอกสารทางการเงินจากพ่อแม่ หรือญาติคนอื่นๆ ส่วนนี้ก็เพื่อแสดงว่าเรามีความสามารถและสถานะทางการเงินที่มั่นคง พร้อมที่จะซัพพอร์ตตัวเองได้ระหว่างที่ไปเรียนค่ะ

Why translated documents must be certified by NAATI

ดังนั้นคนที่มีอายุเป็นปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ขั้นแรกต้องประเมินตัวเองก่อนว่ามีเหตุผลมากพอที่จะไปเรียนหลักสูตรที่สมัครไปไหม และเราสามารถเตรียมเอกสารได้มากน้อยแค่ไหน หรือที่จริงแล้วต้องการไปด้วยวัตถุประสงค์อื่น เช่นทำงาน หรือหาประสบการณ์ทั่วไป ไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน แบบนี้ก็อาจจะต้องมานั่งคิดกันใหม่ว่าควรสมัครวีซ่านักเรียนหรือไม่ค่ะ อยากให้ลองพิจารณาตัวเองก่อนจากประเด็นที่หยิบยกมาด้านบนเเละหลังจากนั้นจึงติดต่อปรึกษาเอเจ้นต่อไปเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมค่ะ อย่าลืมว่าวีซ่านักเรียนเป็น1ในวีซ่าประเภทชั่วคราว และมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการไปเรียน เรื่องของการทำงานอื่นๆเป็นเพียงเงื่อนไขเสริม ดังนั้นควรรวบรวมเอกสารให้มากพอที่จะแสดงความจริงใจในการไปเรียน เพื่อเพิ่มโอกาสวีซ่าผ่านให้ได้มากที่สุดนะคะ

ขอย้ำอีกครั้งว่าทางอิมมิเกรชั่นไม่ได้กีดกันโอกาสในการไปเรียนเพราะอายุเท่านั้น แต่การพิจารณาวีซ่าผู้สมัครจะต้องผ่านเกณฑ์การพิจารณาในหลายๆปัจจัยประกอบกันตามเงื่อนไข Genuine Temporary Entrant (GTE) ที่อิมมิเกรชั่นตั้งเอาไว้ ทางเราแนะนำให้ใครที่กำลังสนใจทำวีซ่านักเรียนไปออสเตรเลียอ่านไว้เป็นข้อมูลว่าอิมมิเกรชั่นใช้เกณฑ์อะไรในการพิจารณาวีซ่าบ้างจะเป็นประโยชน์มากค่ะ 🙂