คุณหมอวีซ่า 15/11/2010

หมายความว่าเรียนจบออสเตรเลีย ขอวีซ่าถาวรไม่ได้อีกแล้วเหรอ??

และแล้วเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา ท่านรัฐมนตรีกระทรวงตรวจคนเข้าเมือง Hon. Chris Bowen ก็ได้ทำการประกาศนโยบายใหม่สุดของรัฐบาลออสเตรเลียถึงระบบการคัดเลือกผู้อพยพ (migrants) รุ่นใหม่โดยที่ถ้านโยบายนี้ผ่านรัฐสภาก็จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 July 2011 เป็นตันไป
ระบบใหม่นี้ ท่านเน้นตรงไปที่การรับเฉพาะผู้อพยพคุณภาพที่มีทักษะสูง โดยเน้นประสบการณ์งาน วุฒิการศึกษา กับ ภาษาอังกฤษ มาเป็นหลัก แค่ยังมีแต้มให้กับภาษาชุมชน (รวมภาษาไทย) การจบจากสถาบันในเขตภูมิภาคของออสเตรเลีย (regional study) แต้มจากคู่ครอง และจากการเรียนจบหลักสูตร Professional Year มา และถึงแม้จะไม่มีการกำหนดแต้มให้กับอาชีพที่เสนอเลยก็ตาม ผู้ยื่นก็ยังคงต้องเสนออาชีพตามใน SOL (Skilled Occupation List) ที่เิ่พิ่งประกาศใช้เมื่อ 1 July 2010 อยู่ดี

ระบบใหม่นี้ คุณหมอวีซ่าขอย้ำว่าใช้เฉพาะกับวีซ่าประเภทต่างๆ ต่อไปนี้เท่านั้น นะคะ

  • ประเภท 885 Skilled Independent (onshore)
  • ประเภท 886 Skilled Sponsored (onshore)
  • ประภท 175 Skilled Independent (offshore)
  • ประเภท 176 Skilled Sponsored (offshore)
  • ประเภท 487 Skilled Regional Sponsored (onshore)
  • ประเภท 475 Skilled – Regional Sponsored (offshore)

และจะไม่กระทบผู้ยื่นที่มีสิทธิ์ยื่นตามกฎเก่า ได้แก่ กลุ่มผู้ที่ถือวีซ่า 485 (Temporary Skilled Graduate Visa) หรือได้ยื่นใบสมัครไปแล้วตั้งแต่เมื่อหรือก่อนวันที่ 8 February 2010 – กลุ่มนี้ยังมีสิทธิ์ยื่นขอ PR ได้จนถึงสิ้นปี 2012 โน่นเลยทีเดียว

สำหรับนักเรียนนานาชาติ ที่ ณ วันที่ 8 February 2010 ยังถือวีซ่านักเรียนอยู่ก็ย่อมมีสิทธิ์ขอวีซ่า SC485 ได้จนถึงสิ้นปี 2012 แล้วเช่นกัน ส่วนผู้ที่ไม่เข้าข่ายในกรณีต่างๆ ดังกล่าว หากจะขอ PR หลัง 1 July 2011 ก็ต้องมาดูกันว่าจะเข้าข่ายตามกฎใหม่กันหรือไม่

การนับแต้มระบบใหม่ต่างจากระบบเก่าอย่างไร ?
ที่เห็นกันชัดๆ ก็คือลดจาก 120 มาเป็น 65 คะแนน โดยจะไม่มีการให้คะแนนกับสายอาชีพที่เสนออีกต่อไป (อดีตเคยให้ 40, 50 หรือ 60 คะแนนแล้วแต่อาชีพที่เสนอ) แต่จะเน้นที่:

1. ประสบการณ์งานในสายอาชีพที่ต้องอาศัยความชำนาญตามที่ลงไว้ใน SOL (Skilled Occupational List) กล่าวคือ ผู้ยื่นยังต้องเสนออาชีพสายใดสายหนึ่งใน SOL แต่จะไม่ได้รับแต้มจากอาชีพ ที่เสนอเลยแม้แต่แต้มเดียว คะแนนจะไปลงที่ประสบการณ์งานมากกว่า

  • โดยถ้าผู้ยื่นมีประสบการณ์งานในออสเตรเลีย1 ใน 2 ปีที่ผ่านมาก็ให้ 5 แต้ม3 ใน 5 ปีที่ผ่านมา ก็ให้ 10 แต้ม5 ใน 7 ปีที่ผ่านมา ก็ให้ 15 แต้ม
  • และถ้ามีประสบการณ์ทำงานจากต่างประเทศ3 ใน 5 ปีที่ผ่านมา ก็ให้ 5 แต้ม5 ใน 7 ปีที่ผ่านมา ก็ให้ 10 แต้ม8 ใน 10 ปีที่ผ่านมา ก็ให้ 15 แต้ม

2. ภาษาอังกฤษ

  • ถ้าสอบ IELTS ผ่าน 6 มา ก็ไม่มีคะแนน 0 แต้ม
  • ถ้าสอบ IELTS ผ่าน 7 ก็ได้ 10 แต้ม
  • ถ้าสอบ IELTS ผ่าน 8 ก้ได้ 20 แต้ม

3. เรื่องอายุ จะเห็นว่าระบบเก่าไม่ให้อายุเกิน 45 แต่ระบบใหม่ให้ถึง 49 ปี โดยช่วงอายุที่ได้คะแนนสูงสุด จะตกอยู่ในช่วง 25-32 ปี โดยจะได้ถึง 30 คะแนน แต่ช่วง 45-49 ถึงจะอนุมัติให้ยื่นใบสมัครได้แต่ก็ไม่มีการให้แต้มเลย

  • แต้มเรียนจบ Professional Year ลดจาก 10 เหลือเพียง 5 แต้ม
  • แต้มเรียนจบ 2 ปี จาก Australia ไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้ 5 แต้มเหมือนเดิม
  • ส่วนแต้มคุณวุฒิ (จาก Australia หรือที่ไหนก็ได้ก็เป็นที่รับรองของออสเตรเลีย)
  • จบ PhD (จะเป็นจาก Australia หรือ จบจากต่างประเทศก็ได้) ให้ 20 แต้ม
  • จบปริญญาตรีจากออสเตรเลีย หรือต่างประเทศ หรือ ตรี+โท / ตรีเกียรตินิยม ให้ 15 แต้ม
  • จบ Diploma จากออสเตรเลีย ให้ 10 แต้ม
  • จบ Certificate III / IV จากออสเตรเลีย ให้ 10 แต้ม
  • มีวุฒิใบผ่านการฝึกงาน (Apprenticeship) จากต่างประเทศ 10 แต้ม เช่นกัน
  • แต้มภาษาชุมชนที่กำหนดให้ไว้ 5 แต้ม คุณหมอวีซ่าว่าเสมือนไม่ให้เสียมากกว่า เพราะจะไม่มีการนับจากปริญญาตรีที่เรียนมาเป็นภาษาไทยอีกแล้ว แต่ดูจากการผ่าน NAATI มาเท่านั้น
  • เรียนจบจากเขตภูมิภาค (Regional) ให้ 5 แต้ม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่แต้มสปอนเซอร์จาก Government, State หรือ Territory ลดจาก 10 เป็น 5 แต้ม
  • คะแนนที่ได้จากคู่ครองที่มีคุณสมบัติผ่าน Skilled Assessment ผ่านเงื่อนไขอายุและภาษามา ก็ให้ 5 แต้มเท่าเดิม
  • ญาติที่อาศัยอยู่ในเขตภูมิภาค (Regional Area) สามารถให้แต้มสปอนเซอร์ได้ 10 แต้มวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

คุณหมอวีซ่าคิดว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อบุคคลต่างๆ ต่อไปนี้:

(1) ด้วยการเปลี่ยนแปลงหลักที่เน้น

  • ภาษาอังกฤษ
  • วุฒิการศึกษาระดังสูงถึง PhD
  • หลักฐานจากประสบการณ์งาน

ผู้ที่โดนกระทบหนักจะได้แก่ผู้จบมาทางสายอาชีวศึกษา (Trade) และนักเรียนนานาชาติต้องอาศัยการข้ามสะพานจากวีซ่า 485 เพื่อซื้อเวลาให้ตนเองทำคะแนนเพิ่มเติมให้ถึงระดับตามที่รัฐบาลกำหนด จึงจะมีสิทธิ์ขอ PR ได้

(2) การยกคะแนนสายอาชีพออกโดยสิ้นเชิง มีผลกระทบอย่างไร

  • เป็นผลดีต่อผู้ที่เสนออาชีพประเภท 50 แต้ม ใน SOL ใหม่
  • ผู้ที่เสนออาชีพ 40-50 แต้ม คงต้องผ่านการขอสปอนเซอร์จากรัฐบาลรัฐหรือปริมณฑลจึงจะมีโอกาสผ่าน
  • ผู้ที่เสนออาชีพที่เคยทำแต้มได้ 60 คะแนน จะเสียเปรียบเนื่องจากระบบใหม่ดูจากประสบการณ์งาน คุณวุฒิ และทักษะทางภาษาเป็นหลัก

(3) อายุ

  • เน้นกลุ่ม 25 -32 ปีที่จะสร้างผลประโยชน์ให้ออสเตรเลียได้สูงสุด และอนุมัติให้ยื่นได้จนถึง 49 ปี ดังนั้นกลุ่มที่ได้เปรียบคือ กลุ่มที่มีอายุ 25-32 ปี กับ 45-49 ปีกลุ่มเสียเปรียบคือ กลุ่มอายุ 18-24 ปี

(4) ภาษาอังกฤษ

  • แน่นอนที่สุด สำหรับคนไทยมาอย่าว่าแต่ IELTS 8 เลย IELTS 6 ยังสอบกันแทบจะแย่ร้องจ๊ากกันเลย จะทำไงดีเหนอ? คุณหมอวีซ่าสงสัยจังว่า ถ้าอยากให้ท่านรัฐมนตรีไปสอบ IELTS เอง จะผ่าน 8 ไหมหนอ?

(5) ประสบการณ์งานใน Australia

  • ผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงก็คือ ผู้ถือ 457 ก็จะมีโอกาสสร้างประสบการณ์ทำงานในออสเตรเลียยาวถึง 3 ปี หรือเกินกว่า (ให้ 10 คะแนน) ผู้ที่เสียเปรียบ คือ นักศึกษานานาชาติที่เรียนหลักสูตรเพียง 2 ปี เนื่องจากแทบจะไม่มีเวลาสร้างประสบการณ์งานในออสเตรเลียได้เลย

(6) ประสบการณ์งานในต่างประเทศ

  • การเปลี่ยนแปลงครังนี้ ไม่มีการระบุชัดเจนว่าสามารถขอแต้มซ้อนได้จากทั้งต่างประเทศและประสบการณ์ในออสเตรเลียได้หรือไม่ อีกอย่างการอ้างอิงถึงประสบการณ์งาน เช่น 8 ปีใน 10 ปีที่ผ่านมา ผู้ยื่นสามารถรวบรวมเอกสารให้ครบถ้วนใหม่ เช่น ใบจ่ายเงินเดือน จ่ายภาษี เป็นต้น

(7) คะแนนจาก Professional Year ลดจาก 10 เหลือ 5 แต้ม

(8) คะแนนที่ให้กับวุฒิปริญญาตั้งแต่ตรีหรือโท ได้ 15 แต้ม เท่ากัน ต้องได้ PhD จึงจะ claim 20 แต้มได้ อย่างนี้แล้วมหาวิทยาลัยยังจะขายหลักสูตรปริญญาโทได้ไงอีกหล่ะ? เนื่องจากปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศก็เป็นที่รับรองแล้ว ขอให้เรียนตรงสาขาอาชีพที่กำหนดไว้ใน SOL list ใหม่

(9) หลักสูตร Trade เช่น Electrician ถึงจบแล้วจะให้ 10 แต้มก็ตาม แต่ TRA ปัจจุบันผ่านยากมาก แค่เรื่อง IELTS อย่างเดียวก็หลุด trade pesons ดีๆไปมากแล้ว

(10) อาชีพ 3 สายที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นอย่างแรงคือ

  • สาย IT ซึ่งสามารถใช้วุฒิจากการทำงาน เช่น MCSE แทนปริญญาโทได้
  • สายบริหาร (management) ซึ่งให้ความสำคัญกับประสบการณ์ทำงานมากกว่าวุฒิทางการศึกษา
  • บัญชี (accounting) ที่อนุมัติให้ใช้วุฒิจากต่างประเทศได้ คิดว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ ในออสเตรเลียคงต้องปิดประตูกันไปตามๆ กันในครั้งนี้แล้วกระมัง

(11) ภาษาต่างชาติ ต้องผ่าน NAATI กล่าวคือปริญญาตรีจากบ้านเราที่จบมาเป็นภาษาไทยใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้วค่ะ

(12) จุดที่น่าสนใจ คือ ขณะผู้ที่ยื่นที่มีรัฐบาลรัฐหรือปริมณฑลเป็น sponsor ให้ในวีซ่า 176 /886 จะได้รับเพิ่มเพียง 5 แต้ม แต่ถ้าเป็นการสปอนเซอร์ไปอยู่ใน Regional area ด้วยวีซ่า 487 / 475 กลับได้คะแนนถึง 10 แต้ม

ตามที่คุณหมอวีซ่าวิเคราะห์ดู จะเห็นได้ว่าทุกอย่างยากขึ้นหมด ลองยกกรณีให้แต้มในหลายๆ กรณี ก็แทบไม่มีใครผ่านกัน คุณหมอวีซ่าเองช่วงนี้ก็เริ่มแนะให้น้องๆย้ายไปเรียนกันที่ Canada, UK, กับ USA และสำหรับผู้ที่มีงบต่ำ ทาง CP ก็มีสถาบันที่ Singapore และ Malaysia รองรับ โดยเฉพาะปัจจุบัน ผู้ปกครองชอบส่งน้องๆไปเรียนภาษาจีนกัน เพื่อรองรับอนาคตที่คาดการณ์ว่าประเทศจีนจะเป็นใหญ่คลุมเศรษฐกิจโลก ดังนั้น ปี 2011 นี้ Let’s all – “Go Inter” ไปกับคุณหมอวีซ่ากันดีกว่านะคะ!!

สอบถามการคิดคะแนนแบบใหม่ได้ที่ cp ทุกสาขานะค่ะ
กรุงเทพ : +66 2 635 5445
เชียงใหม่ : +66 53 334 222
ซิดนีย์ : +61 2 9267 8522
เมลเบิน : +61 3 9602 5355

มีคำถามเกี่ยวกับการสมัครหรือสถานะวีซ่าออสเตรเลียของคุณ? ต้องการสมัครเพื่อศึกษาต่อ ทำงาน หรืออาศัยอยู่ในออสเตรเลีย? สามารถขอคำแนะนำจากทีมคุณหมอวีซ่าได้ที่: