Thai Press article for Issue 1 April 2010

เร็วๆนี้ นักเรียนนานาชาติ คงได้ยินได้ฟังข่าวเรื่องการถูกปฏิเสธวีซ่า ถูกเพิกถอนวีซ่า ถูกยกเลิกวีซ่า ถูกเรียกเอกสารเพิ่มเติม ถูกสัมภาษณ์อย่างหนัก ฯลฯ กันอย่างหนาหู จนสงสัยว่าอะไรมันเกิดขึ้นกันแน่เนี๊ยะ เหตุใดอิมมิเกรชั่นจึงจู่ๆเปลี่ยนนโยบายจากง่ายสุดๆไปเป็นยากสุดๆอย่างไม่มี การแจ้งล่วงหน้า ดังนั้น ถ้าช่วงนี้ พี่ๆเอเย่นบอกให้น้องๆช่วยจัดเอกสารการยื่นหรือต่อวีซ่าเพิ่มเติม ก็อย่าไปบ่นพี่ๆเอเย่นเขาว่าจู้จี้กันเลยนะคะ เพราะเป็นการเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาลจริงๆค่ะ และก็ไม่ใช่มาเคี่ยวเอาเฉพาะกับวีซ่าที่ยื่นจากต่างประเทศเท่านั้น กระทั่งการต่อวีซ่านักเรียน การทำวีซ่าติดตามภายในออสเตรเลีย ก็ยากตามๆกันไปด้วยทั้งหมดเลยค่ะ

จะเห็นได้จากเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2010 ที่ผ่านมา คิดว่าเอเย่นนักเรียนที่เคยลงทะเบียนเป็น eVisa agents (และที่ยังไม่โดนเพิกถอนใบอนุญาต) ทั้งหลายคงได้รับอีเมลจากสถานทูตออสเตรเลียที่เมืองไทยกันอย่างทั่วถึงกัน โดยเนื้อหาในสารที่เขียนมานั้นได้ระบุให้เอเย่นทั้งหลายต้องไปลงทะเบียนเซ็น สัญญากันใหม่หมด โดยมีการกำหนดระเบียบทั้งใหม่และเก่าให้ปฏิบัติตามกันเยอะมาก จดหมายที่ส่งมาเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึง ท่านรัฐมนตรีฯ (Minister for Immigration and Citizenship) ได้แถลงมาตั้งแต่วันที่ 20 August 2009 ให้

“strengthening checks on student visa applications to stamp out fraud and ensure students have the financial capacity to live and study in Australia. One of the measures to strengthen integrity in the Student Visa Program is reviewing Student eVisa access and compliance…”

หมายความว่า ทางกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองฯ ต้องการให้เจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นตรวจเอกสารให้ละเอียดสุดๆ เพื่อ make sure ว่านักเรียนที่จะเข้ามาเรียนหนังสือที่ ออสเตรเลียนั้น มีเจตนาจะมาเรียนกันจริงๆ ไม่ใช่ใช้วีซ่านักเรียนเพื่อมาทำงาน และเพื่อประสงค์อื่นๆเหมือนที่ปล่อยให้เละตุ้มเป๊ะมาเป็นเวลาหลายปี ทางอิมมิเกรชั่นยังจับได้ว่ามีการใช้เอกสารปลอมแปลงหลอกลวงเจ้าหน้าที่กัน เยอะมาก มีการให้ข้อมูลเท็จ จนต้องเพิกถอนใบอนุญาตของ eVisa agents ทั่วโลกไปหลายๆเจ้าจนปัจจุบันเหลือเพียงน้อยไม่กี่เจ้า เท่านั้น ยิ่งกว่านั้น เจ้าที่เหลือๆทั้งปวง ยังต้องเซ็นสัญญากันใหม่หมด โดยเงื่อนไขคร่าวๆมีการบังคับให้ eVisa agents เหล่า นั้นต้อง:

  • มีอัตราการผ่านวีซ่าเกินกว่า 90% ตลอดทุกช่วง 6 เดือนที่ถือใบอนุญาต
  • ในทุกๆ 6 เดือนของการตรวจสอบเอกสารจากอิมมิเกรชั่น จะต้องไม่มีการรายงานเข้าอิมฯว่าใช้เอกสารปลอมแปลงเกินกว่า 5%
  • สำหรับเมืองไทย เอเย่นเหล่านี้ จะต้องยื่นเคสที่ประสบความสำเร็จอย่างน้อย 50 successful visa applications ต่อ 1 ปีการเงิน (financial year -1July ถึง 30 June)

ตอนที่คุณหมอ วีซ่าไปร่วมฟังสัมมนาโดยเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของอิมมิเกรชั่นจากแคนเบอร์ร่ามา อภิปรายเมื่อ เดือนที่แล้ว เขาย้ำแล้วย้ำอีกว่า “ถ้าพวกคุณไม่สามารถรู้ว่าเอกสารจริงหรือไม่จริง ก็ยื่นมือเข้ามาเลย ให้เจ้าหน้าที่ของเราเป็นฝ่ายพิจารณาเอง” ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นได้ว่า ปัจจุบัน การยื่นวีซ่านักเรียนเคี่ยวสุดๆ ผ่านกันยากเย็นเหลือเกิน

ข่าวล่าสุดก็ คือ วิทยาลัย Austech Institute of Further Education ใน Sydney ก็ปิดไปอีก หนึ่งแห่ง เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2010 ที่ ผ่านมา เป็นเหตุให้นักเรียน 765 คนเคว้งอีกแล้ว ช่วงนี้รัฐบาลยิ่งมาเคี่ยวกับเอเย่นทางการศึกษาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของ นักเรียนนานาชาติ ท่านผู้แทนรัฐสภา federal MP Bruce Baird ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ทำการสอบสวนเรื่องนี้ได้ให้ความเห็น และแนะให้สมาคม Migration Institute of Australia (MIA) ซึ่งเป็นสมา พันธ์ของตัวแทนให้คำปรึกษาและดำเนินเรื่องวีซ่าเข้าประเทศออสเตรเลียทั้ง หลายให้จัดระเบียบกฎเกณฑ์ควบคุมกิจกรรมของตัวแทนทางการศึกษาให้ได้มาตรฐาน สูงทำนองเดียวกับงานที่ Migration Agents ทั้ง หลายทำกัน ดังนี้:

…Government could expand the work being done to establish a professional peek body for [Education] Agents, which would establish standards for entry into the profession and impose an elements of self-monitoring… Recognising that many Migration Agents also worked as Education Agents, the Migration Institute of Australia could explore the development of education-specific elements that could be included in the program of professional development activities….

Maureen Horder ซึ่ง เป็น CEO ของ MIA ยัง แถลงไว้ว่า “For us, it’s simple: If the Education Agent responsible for bringing overseas student to Australia are better — better trained, better regulated and better represented – future international students will receive better advice and attend better institutions” ท่านประธานฯ ยังกล่าวว่า การจะให้ทาง MIA รับ Education agents มา เป็นสมาชิกนั้น คงต้องตั้งต้นจากเอเย่นเหล่านั้น ต้องไปเรียน ไปสอบผ่านให้ผ่านหลักสูตร Education Agent Training Course (EATC) กันมา และลงทะเบียนกับ Qualified Education Agent Counsellor Database (QEACD) มาอย่างเรียบร้อยเพื่อ เป็นการยกระดับมาตรฐานของเอเย่นทางการศึกษาให้สูงขึ้นคล้ายๆกับที่ได้ยก มาตรฐาน migration agents ให้สูงจนเป็นที่ยอมรับ นั่นเองช่วงนี้เนื่องจากมีโรงเรียน ถูกปิด นักเรียนถูกโรงเรียนแจ้งยกเลิกวีซ่า และกลับบ้านไปตามๆกันอย่างมากมาย หากเหตุการณ์ยังเป็นเช่นนี้อีกต่อไป คุณหมอวีซ่าว่า นักเรียนคงเข้ามาเรียนออสเตรเลียกันน้อยลงไปทุกวัน เพราะวีซ่าจะไม่ผ่านกันเป็นแถวนะคะ จึงอยากเตือนน้องๆว่าให้เตรียมเอกสารการยื่นวีซ่าที่เป็นจริง และเตรียมไปอย่างครบถ้วน การสัมภาษณ์ก็ต้องตอบให้รู้เรื่อง หากน้องๆ ไม่ทราบกระทั่งว่าตนเองกำลังจะไปเรียนที่รัฐไหน โรงเรียนชื่ออะไร เรียนวิชาอะไร ไปเมื่อไรเป็นต้น ก็ย่อมทำให้เป็นที่สงสัยว่ามีเจตนาจะไปเรียนจริงหรือไม่ เจ้าหน้าที่ก็ย่อมจะไม่ผ่านวีซ่าให้เป็นของธรรมดาค่ะ ยิ่งกว่านั้น การลงทะเบียนไปเรียนที่สถาบันระดับไหน ก็มีส่วนช่วยให้วีซ่าผ่านหรือไม่ผ่าน คุณหมอวีซ่าพูดเสมอว่าไม่ใช่อยากให้น้องๆลงทะเบียนในสถาบันแพง แต่การไปเรียนในที่ไม่มีมาตรฐานและคุณภาพทางการสอน จะสร้างปัญหาตามมาภายหลังเยอะมาก และต้องไปนั่งเสียเงินแก้ปัญหาอีก ไม่คุ้มกันจริงๆค่ะ…

มีคำถามเกี่ยวกับการสมัครหรือสถานะวีซ่าออสเตรเลียของคุณ? ต้องการสมัครเพื่อศึกษาต่อ ทำงาน หรืออาศัยอยู่ในออสเตรเลีย? สามารถขอคำแนะนำจากทีมคุณหมอวีซ่าได้ที่: