9 May 2019

คุณหมอวีซ่าเคยบอกว่าเรื่องราวลูกค้าที่เข้ามาปรึกษาวีซ่ากับเราเหมือนนิยาย ฟังแล้วก็เห็นด้วยค่ะ เพราะลูกค้าแต่ละท่านที่เข้ามาปรึกษา เรื่องราวชีวิตรักไม่เหมือนกันสักคน บางคู่กว่าจะรักกันได้ก็ผ่านอุปสรรคมามากมาย ร้องไห้เสียใจที่วีซ่ามีปัญหา หรือบางคนติดต่อมาเพราะถูกทำร้ายร่างกายก็มี หลายครั้งเราช่วยเหลือเรื่องวีซ่าให้คู่รักกลับมาอยู่ด้วยกันสำเร็จ แต่ก็มีบางครั้งที่ความรักจางหายถึงกับต้องขอถอนวีซ่าอย่างน่าเสียดาย สำหรับวันนี้เมย์ขอเล่าเคสที่ประทับใจที่สุดตลอดหลายปีที่ทำงานมาให้ได้อ่านกันค่ะ เคสนี้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอวีซ่านานมาแล้ว จัดว่าเป็นเคสซับซ้อนและยากที่สุด แต่พอต้องเขียนบทความประสบการณ์การทำวีซ่า ก็อยากเล่าถึงค่ะ

สปอนเซอร์

สปอนเซอร์เป็นเพศชายถือสัญชาติออสเตรเลียแต่กำเนิด อาศัยที่เมืองเอดิเลท ทำอาชีพในฟาร์มปศุสัตว์

ผู้สมัคร

ผู้สมัครก็เป็นชายไทยเหมือนกันค่ะ ถูกเพื่อนชักจูงให้ขอวีซ่าเพื่อไปทำงานในประเทศออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2006 เมื่อไปถึงที่ออสเตรเลียแล้วปรากฎว่าทราบความจริงว่าไม่มีงานอย่างที่ตกลงกันแต่แรกให้ทำ แต่โดนนายจ้างไล่ให้ไปทำไร่ทำสวน ชีวิตลำบากไม่มีที่พักอาศัย เพราะนายจ้างกดขี่ไม่ให้ค่าจ้างตามที่ตกลง เงินที่ติดตัวมาจากไทยก็เริ่มลดลง ต่อมาผู้สมัครต้องการหนีจากการกดขี่นี้จึงตัดสินใจยืมเงินเพื่อนที่ไทยเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินไปเอดิเลทหางานทำใหม่ ด้วยความลำบากบวกกับมีหนี้สินจำนวนมากที่ไทยและภาระที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัวที่ไทย ทำให้ผู้สมัครจำยอมโดดวีซ่าและยอมทำผิดกฎหมายเพื่อเป็นทางรอดตัวเองและครอบครัว โชคดีที่พบรักกับสปอนเซอร์ ได้รับความช่วยเหลือ เกิดความสัมพันธ์สนิทสนมจนอยากใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

ด้วยความกลัวว่าวันหนึ่งแฟนจะถูกส่งตัวกลับไทยเพราะไม่มีวีซ่า สปอนเซอร์จึงติดต่อเอเจ้นท์หนึ่งเพื่อยื่นวีซ่าคู่รักให้ผู้สมัครเพื่ออยู่ด้วยกันที่ออสเตรเลีย และเต็มใจช่วยให้แฟนกับมามีวีซ่าอีกครั้ง ไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป  แต่โชคร้ายที่ทั้งสองพบเจอเอเจ้นท์ที่ให้ข้อมูลผิด แนะนำให้ยื่นวีซ่าคู่รักในออสเตรเลียทั้งที่เป็นไปไม่ได้ ทำให้ถูกปฏิเสธก็พากันยื่นเรื่องต่อศาลอุทธรณ์ หลอกเอาเงินจากลูกค้าไปหลายเหรียญโดยไม่ได้วีซ่า

Partner Visa Case Study 1

เคสนี้ก็เหมือนกับหลายเคสที่เข้ามาติดต่อ CP International เจอเหตุการณ์มาหนักหน่วง และมาพร้อมกับคำถามว่ายังจะได้วีซ่าเพื่อกลับไปออสเตรเลียได้อยู่ไหม

คำอธิบายคือความจริงถ้าเคสนี้กลับมาที่ไทยและยื่น Partner visa (subclass 309) ก็น่าจะได้วีซ่ากลับออสเตรเลียไปตั้งนานแล้ว แต่ลูกค้าคนนี้โดนเอเจ้นท์หลอก ยื่น Partner visa (subclass 820) ในออสเตรเลียจนถูกปฏิเสธวีซ่าและศาลอุทธรณ์ก็ยืนยันคำตัดสิน ทำให้ต้องถือ Bridging visa E (BVE) กลับไทยมาอีก เสียประวัติไปกันใหญ่

ใครก็ตามที่ไม่ได้ถือวีซ่าอยู่ หรือเรียกง่ายๆว่าอยู่เป็นผีที่ออสเตรเลีย ยื่น Partner visa (subclass 820) ไปแม้ว่าหลักฐานความสัมพันธ์จะดีแค่ไหนก็ตาม ก็โดนปฏิเสธวีซ่าอยู่ดีเพราะกฎหมายไม่อำนวยค่ะ

ดังนั้นเคสนี้เรายื่น Partner visa (subclass 309) ใหม่ ทั้งสองรักกันมากสปอนเซอร์มาเยี่ยมผู้สมัครที่ไทยเป็นประจำ หลักฐานความสัมพันธ์แน่นหนา ประกอบกับเรานำคำตัดสินของศาลที่ยืนยันว่าความสัมพันธ์ทั้งสองนั้นเป็นจริงยื่นแนบเข้าไปด้วย ในที่สุดการทำงานหนักและเตรียมเคสอย่างถูกต้องก็ทำให้เคสนี้ได้รับวีซ่ากลับไปหาสปอนเซอร์ในท้ายที่สุด

นอกจากนี้ยังได้รับอีเมล์แจ้งว่าได้ Partner Permanent visa (subclass 100) ตามมาติดๆ เป็นของแถมค่ะ

ท้ายที่สุดผู้สมัครรายนี้บินกลับไปออสเตรเลียในฐานะ PR เปลี่ยนชีวิตที่เคยลำบากและอยู่ออสเตรเลียอย่างผิดกฎหมายมาเป็นประชากรถาวรที่ทำงานทดแทนออสเตรเลีย และได้ใช้ชีวิตกับคนที่รัก จดทะเบียนสมรสแบบ same-sex เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ

Partner Visa Case Study 1

ที่เมย์นำเคสนี้มาเล่าไม่ได้อยากชี้นำให้โดดวีซ่ากันนะคะ แต่ต้องการเตือนว่าการไปทำงานที่ออสเตรเลียโดยถือวีซ่าที่ได้มาง่ายๆ อย่างเช่นวีซ่าท่องเที่ยว มันไม่มีหรอกค่ะ คิดดูว่าไปแล้วต้องไปทำผิดบ้านเมืองอื่น หันหลังกลับก็ไม่ทันแล้ว ใช้ชีวิตลำบากไม่มีคนช่วยเหลือ อาจจะไม่ได้กลับไปเหมือนเคสนี้ค่ะ หากน้องๆคนไหนที่มีคำถามสงสัยหรือมีปัญหา คุณหมอวีซ่าและทีมงาน พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอนะคะ

มีคำถามเกี่ยวกับการสมัครหรือสถานะวีซ่าออสเตรเลียของคุณ? ต้องการสมัครเพื่อศึกษาต่อ ทำงาน หรืออาศัยอยู่ในออสเตรเลีย? สามารถขอคำแนะนำจากทีมคุณหมอวีซ่าได้ที่: