Dr Visa Article – 13 June 2020

“PIC 4020 – Public Interest Criterion 4020”
ให้ข้อมูลเท็จหรือเอกสารปลอมแปลงมีผลอย่างไรในการยื่นวีซ่าออสเตรเลีย ?

สวัสดีแฟนคลับคุณหมอวีซ่าทุกท่าน ย่างเข้าหน้าหนาวที่ออสเตรเลียแล้ว ก่อนอื่นหวังว่าทุกท่านคงจะสบายดี มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอยู่ห่างไกลจากกันทุกท่านนะคะ และหวังว่าทุกท่านคงจะเริ่มคุ้นเคยและชินกับการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ที่แตกต่างจากที่เราคุ้นเคยกันมาตลอดชีวิตจนถึงยุคก่อนโคโรนาไวรัสจะจู่โจมโลกมาอย่างรุนแรงในครั้งนี้นะคะ เป็นเหตุการณ์ไม่พึงปรารถนาที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและใจ อีกทั้งกระทบเศรษฐกิจของประเทศชาติกันจนทั่วหน้าทั้งโลก อย่างไรคุณหมอวีซ่าหวังว่าพวกเราทุกคนก็คงจะพยายามปรับตัวอยู่กับมันให้ได้ สำหรับพวกเราชาว CP International ก็มีนโยบาย Work From Home ทันยุคเข่นกัน แต่ทีมงานเราจะเข้าออฟฟิศกันทุกวันพุธกับพฤหัส หรือตามนัดหมาย ดังนั้น ลูกค้าท่านใดที่ประสงค์จะเข้ามาออฟฟิศเจอกับทีมงานของเรา ก็ยังสามารถทำได้นะคะ

เนื่องจากระยะนี้มีลูกค้าหลายท่านที่กำลังจะยื่นขอวีซ่าตัวใหม่ในประเทศออสเตรเลีย แต่มีความกังวลเกี่ยวกับประวัติการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงตามความเป็นจริงในการยื่นขอวีซ่าประเทศออสเตรเลียในครั้งแรกไป จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตามหรือบางครั้งก็ทำด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่เจอมาบ่อยก็อย่างเช่น ในการยื่นวีซ่านักเรียนจากเมืองไทยมานั้น ผู้สมัครจริงๆแล้วได้เคยแต่งงานมีสามีมีลูกที่เมืองไทยมาก่อนแล้ว แต่ทางเอเย่นที่เมืองไทยได้แนะนำว่าไม่ให้กรอกว่ามีครอบครัวแล้วและไม่ให้ใส่ชื่อลูกที่เมืองไทยเข้าไปในใบสมัครขอวีซ่าด้วย แต่ให้กรอกว่าเป็นโสดมาโดยตลอด โดยอ้างว่าวีซ่านักเรียนจะผ่านได้ง่ายกว่า ซึ่งในความเป็นจริงเป็นคำแนะนำที่ผิดมาก และเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญสามารถส่งผลกระทบในทางลบให้กับผู้ยื่นวีซ่าในอนาคตมากมายอย่างคาดคิดไม่ถึงเลยทีเดียว


PIC 4020 คืออะไร?

กฎเกณฑ์ในการยื่นวีซ่าที่สำคัญคือจะต้องให้ข้อมูลกับเอกสารที่เป็นจริงเสมอ การให้ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือเอกสารปลอมแปลงจะนำมาซึ่งความเสี่ยงอย่างมากให้กับผู้ยื่นเอง อาจส่งผลให้วีซ่าถูกปฏิเสธด้วยเงื่อนไข​ PIC4020 ซึ่งมีบทลงโทษตามมาค่อนข้างรุนแรง หรือถ้าบังเอิญรอดไปได้ในครั้งนี้ ก็จะส่งผลให้วีซ่าในอนาคตข้างหน้าถูกปฏิเสธตามด้วย กลายเป็นโดนแบนห้ามเข้าออสเตรเลีย 3 หรือ10 ปีแล้วแต่กรณีได้ ยกตัวอย่างที่นิยมทำกันจากเมืองไทยคือ น้องๆหลายคนที่เข้าออสเตรเลียมาด้วยวีซ่านักเรียนได้ทำวีซ่าติดตามพ่วงให้อีกคนที่ไม่ใช่คู่ครองจริงและทำเรื่องจดทะเบียนปลอมให้เขาได้ตามเข้ามาเป็นผู้ติดตาม เพื่อจะได้มาทำงานที่นี่ กรณีอย่างนี้เจอบ่อยมาก หรือ กรณีที่ไม่แจ้งข้อมูลตามจริงว่าเราเคยสมรส มีครอบครัว มีลูกแล้วที่เมืองไทย แต่ลงว่าเป็นโสดในการยื่นใบสมัครวีซ่าเข้าไป พอมาอยู่ที่ออสเตรเลีย โชคชะตานำพาให้มาเจอคู่ครองจริงที่เป็นชาวออสซี่ที่นี่ แล้วอีกฝ่ายเกิดอยากทำเรื่องสปอนเซอร์ให้เราได้อยู่เป็นคู่ครองที่ออสเตรเลียขึ้นมา ตอนทำเรื่องเราก็อยากพ่วงลูกที่ไทยมาด้วย คราวนี้แหละเป็นปัญหาใหญ่ละ เพราะเราไม่เคยแจ้งในใบสมัครขอวีซ่าตัวเก่าเลยว่ามีลูกชื่ออะไร อายุเท่าไหร่อยู่ที่ไทย ครั้นจะมาลงรายละเอียดลูกเอาตอนนี้ ก็เท่ากับเราได้ให้ข้อมูลเท็จไปกับทางอิมมิเกรชั่นแล้ว แบบนี้อาจมีผลกระทบให้วีซ่า Partner ที่กำลังจะยื่นรอบนี้โดนปฏิเสธได้ สร้างความยุ่งยากที่ให้กับเราพอควรเลยทีเดียว ดังนั้นการยื่นวีซ่าจำเป็นที่จะต้องทำให้ถูกต้องตามขั้นตอนและความเป็นจริง

Public Interest Criteria (PIC) 4020 เป็นเงื่อนไขที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองออสเตรเลียสามารถนำมาใช้ในการปฏิเสธวีซ่าของเราได้หากพบว่าในอดีตหรือปัจจุบันผู้ยื่นวีซ่าได้มีการให้ข้อมูลเท็จหรือใช้เอกสารปลอมแปลงเพื่อให้ได้มาซึ่งวีซ่าตัวนั้นๆ ซึ่งการปฏิเสธวีซ่าด้วย PIC4020 นั้นจะมีสององค์ประกอบใหญ่ๆคือ

  1. หากพบว่าผู้ยื่นวีซ่าได้ใช้เอกสารปลอมแปลงหรือให้ข้อมูลเท็จกับทางเจ้าหน้าที่ – การถูกปฏิเสธวีซ่าด้วยเหตุผลนี้จะส่งผลให้ผู้ยื่นวีซ่าถูกทำโทษไม่สามารถขอวีซ่าเข้าประเทศออสเตรเลียได้อีกเป็นเวลา 3 ปีข้างหน้า
  2. ปลอมแปลงหลักฐานประจำตัว อย่างเช่นใช้พาสปอร์ตปลอมหรือบัตรประชาชนปลอม เป็นต้น – อันนี้โทษจะหนักกว่าข้อแรกเพราะจะส่งผลให้ผู้ยื่นวีซ่าไม่สามารถขอวีซ่าเข้าออสเตรเลียได้อีก 10 ปีข้างหน้าเลยทีเดียว

การถูกปฏิเสธวีซ่าด้วย PIC4020 นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงเลยทีเดียว เนื่องจากมักจะส่งผลกระทบให้ผู้ที่ใช้นามสกุลเดียวกันเราได้รับผลกระทบพ่วงไปด้วย ท่านผู้อ่านลองคิดดูสิคะ ถ้าท่านเกิดผ่านวีซ่านักเรียนในครั้งแรกด้วยข้อมูลเท็จเพราะเจ้าหน้าที่จับไม่ได้ แต่พอมาถึงที่ออสเตรเลียแล้ว เกิดมีโอกาสทำวีซ่าตัวอื่นได้ เช่น มีนายจ้าง หรือคู่ครองที่เป็นชาวออสซี่เป็นสปอนเซอร์ให้ได้อยู่ทำงานหรือเป็นราษฎรที่นี่ แต่ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ได้ให้ข้อมูลเท็จในการทำวีซ่าไป เช่นอาจจะไม่เคยแจ้งว่าตนมีลูกเล็กที่ไทย แบบนี้ก็จะส่งผลให้วีซ่าตัวใหม่ที่กำลังจะทำมีโอกาสโดนปฏิเสธด้วย PIC 4020 สูงมาก ทั้งๆที่หากผู้ยื่นได้แจ้งข้อมูลที่ถูกต้องไปตั้งแต่แรก ลูกก็อาจจะได้ติดตามไป มีสิทธิ์เรียนฟรี รับสวัสดิการฟรีต่างๆมากมายจากออสเตรเลียด้วยซ้ำ จะมายื่นชื่อลูกพ่วงเอาตอนทำวีซ่ารอบใหม่นี้ก็เสี่ยงโดนปฏิเสธแถมซ้ำร้ายอาจต้องแยกกันอยู่คนละประเทศกับลูกตลอดชีวิตก็เป็นได้ แล้วแบบนี้มันจะคุ้มกับเราไหม?

คุณหมอวีซ่าจึงอยากจะขอเตือนทุกท่านว่าในการขอวีซ่าเข้าประเทศใดก็ตาม ทางที่ดีแล้วให้กรอกข้อมูลที่ตรงตามความเป็นจริงและใช้เอกสารที่เป็นจริงทั้งหมด จะพบว่ามันสามารถช่วยอนาคตของเรากับครอบครัวให้ก้าวไปข้างหน้าได้อีกไกลเลยค่ะ อะไรก็หนีความเป็นจริงไปไม่ได้ จริงไหมคะ

 

ผิดไปแล้ว มีทางออกไหม ?

Dr Visa article

สำหรับลูกค้าหลายท่านที่ได้กระทำผิดไปแล้ว ส่วนใหญ่จะเกิดจากการไปเชื่อคำแนะนำของเอเย่นที่ทำงานอย่างไร้จรรยาบรรณโดยไม่ห่วงโทษทัณฑ์ที่อาจส่งผลรุนแรงต่อลูกค้า จะมีทางแก้ไขไหมนั้นคุณหมอวีซ่าขอตอบว่า ในบางกรณีก็แก้ไขได้โดยการพิสูจน์ว่ามีเหตุผลที่น่าเห็นใจแบบมีความจำเป็นจริงๆ หรือเกิดจากปัจจัยเหนือการควบคุมของตนเอง เหล่านี้ก็อาจมีโอกาสผ่านวีซ่าได้ แต่หลายกรณี ก็ต้องรบรากันไปถึงระดับศาลตุลาการ หรือศาลสหพันธ์ แล้วแต่กรณี เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และเสียความรู้สึกจากการที่เชื่อใจเอเย่นที่ผิดๆ จนส่งผลให้เราต้องมาลำบากในครั้งนี้ หนทางการได้วีซ่าตัวใหม่ที่ดีกว่ามาอย่างถูกต้องนั้น ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ หากเรามีเหตุผลและแก้ต่างได้อย่างตรงจุดให้เจ้าหน้าที่กลับมาเห็นด้วยกับเรา แต่ต้องใช้เวลา ใช้เงินทองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก็ต้องดูเป็นเป็นรายบุคคลไปว่าเคสของแต่ละคนพอจะมีทางออกไหนได้บ้างเพราะต่างคนต่างก็มีประวัติและเอกสารที่ต่างกันออกไป

ก่อนจะลาจากกันไปในวันนี้ ขอให้กำลังใจกับทุกท่านที่มีวีซ่าออสเตรเลียอยู่ในมือให้พยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าปล่อยให้วีซ่าตัวเองขาดและอยู่อย่างผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นชีวิตจะลำบากมากนะคะ หากมีโอกาสและคุณสมบัติได้ก็ไปให้ถึงพีอาร์ และอนาคตพอได้สิทธิ์ทำสัญชาติออสเตรเลียแล้วก็ให้รีบไปทำซะ การถือพาสปอร์ตทั้งสองเล่ม สองสัญชาติ มีประโยชน์ทั้งในการรับสิทธิ์ราษฎรต่างๆและการเดินทางไปต่างประเทศมากมายนะ

สำหรับฉบับวันนี้ ขอลาไปก่อน ขอให้ทุกท่านดูแลตัวเองให้ดีๆ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง สู้สู้นะคะ “We’re in it together!”

ด้วยความปรารถนาดี
จากทีมงานคุณหมอวีซ่า

—————————————

คุณหมอวีซ่าและทีมงานได้ดูแลเรื่องวีซ่าให้กับลูกค้ามาแล้วเป็นเวลา 23 ปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 สามารถช่วยท่านขอวีซ่าและแก้ปัญหาวีซ่าให้ท่านได้ไม่ว่าจะซับซ้อนเพียงใดก็ตาม โดยเฉพาะในยุคของโคโรนาไวรัสช่วงนี้ เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิการของทีมงานและลูกค้า ทีมงานเราก็ทันยุคทำงานจากบ้านกันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ช่วงนี้จะเข้าออฟฟิศทุกวันพุธกับวันพฤหัส หรือตามที่โทรนัดหมาย ส่วนการบริการคุณภาพของเรา ทุกอย่างยังเหมือนเดิมค่ะ ท่านสามารถติดต่อทีมงานเราได้ที่: