8 September 2010


เมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา คุณหมอวีซ่าได้รับเกียรติเข้าร่วมบรรยายพร้อมกับเจ้าหน้าที่ Austrade จากสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย คุณกอบัว เหล่ารุจิจินดาและอาจารย์กัลยาณี อุตกฤษฏ์ จาก สำนักทดสอบทางการศึกษา สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ SE-ED Learning Center จามจุรีสแควร์ ในหัวข้อการศึกษาต่อในประเทศออสเตรเลียและการเทียบวุฒิในระดับต่างๆระหว่างทั้งสองประเทศ มีผู้ปกครองเข้าฟังสัมมนานับร้อย และที่น่าสนใจก็คือ แนวโน้มความคิดอ่านของผู้ปกครองสมัยนี้แตกต่างจากสมัยก่อนไปมาก

สังเกตจากคำถามที่ถามกันเข้ามาจะโยงไปถึงการวางแผนให้ลูกตั้งแต่ช่วงอายุระดับมัธยมศึกษา ตลอดจนจบตรีจากต่างประเทศ พร้อมทั้งอยากวางแผนให้ลูกไว้ทำธุรกิจอะไรบางอย่างในระหว่างเรียนต่อเมืองนอกไปในตัวเลยทีเดียว ทำให้คุณหมอวีซ่าแอบชื่นชมผู้ปกครองในยุคโลกาภิวัฒน์เป็นอย่างยิ่ง อาจจะด้วยเศรษฐกิจหรือการเมืองที่ไม่ค่อยจะมีความแน่นอนในบ้านเรา หรือภาวะโลกร้อนก่อให้เกิดภัยธรรมชาติ น้ำท่วม แผ่นดินไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในฐานะผู้ปกครองคนหนึ่งคุณหมอวีซ่าก็เข้าใจถึงความรู้สึกของคุณพ่อคุณแม่ที่อดห่วงอนาคตของลูกรักไม่ได้จริงๆ

ควรส่งลูกไปเรียนนอกตั้งแต่รุ่นปริญญาตรีหรือรอไว้ระดับปริญญาโทดี?

เป็นคำถามหนึ่งที่คุณหมอวีซ่าได้รับการถามมาบ่อยมาก เอาเป็นว่า คุณหมอวีซ่าขอถามกลับว่า “แล้วในอนาคตหลังลูกเรียนจบ คุณพ่อคุณแม่ อยากให้ลูกกินเงินเดือน หรือทำธุรกิจหาเงินเป็น ‘$ ดอลล่าร์ ‘หรือ ‘฿ บาท’ หล่ะ?” ด้วยเวลาบรรยายที่ค่อนข้างจำกัด คุณหมอวีซ่าได้ยกตัวอย่าง การทำงานในสายวิศวกร แต่เพียงสายเดียวให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งก็จะคล้ายคลึงกับวิชาชีพในสายเชี่ยวชาญต่างๆ เช่น ทัตแพทย์ พยาบาล ครู หมอ เป็นต้น ในสายวิศวกร การจะทำงานในต่างประเทศทันทีหลังลูกเรียนจบและกินเงินเดือนเป็น ‘$ ดอลล่าร์’ นั้น คุณหมอวีซ่าแนะนำผู้ปกครองว่า ควรจะส่งไปเรียนตั้งแต่ระดับปริญญาตรี เพราะอะไร?
ผู้ปกครองหลายท่านจากเมืองไทย ไม่เคยได้ยินคำว่า “Washington Accord” มาก่อน คุณหมอวีซ่าจึงอธิบายว่า การจะให้วุฒิวิศวกรรมที่จบระดับตรีมาเป็นที่รับรองของหน่วยงานประเมินคุณวุฒิที่มีชื่อว่า “Engineers Australia (ฐานะเท่ากับ ก.ว. ของเมืองไทย) นั้น ลูกจะต้องจบป.ตรี วิศวกรรมศาสตร์ที่ประเทศที่มีชื่อลงอยู่ใน “Washington Accord” คือ :

  • Australia
  • Ireland
  • USA
  • Canada
  • Japan
  • Taiwan
  • Korea
  • Hong Kong
  • Malaysia
  • New Zealand
  • Singapore
  • South Africa
  • United Kingdom

วุฒิตรีที่ได้มาจึงจะสามารถนำไปทำการประเมินวุฒิได้สำเร็จโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องไปไล่เขียน CDR หรือ Competency Demonstration Report ให้วุ่นวาย โดยไม่รู้ว่าอนาคตจะสามารถผ่านหรือไมผ่านการรับรองจาก Engineers Australia ดังนั้นการส่งลูกไปต่อโททางวิศวะฯ ตามที่คุณพ่อคุณแม่คนไทยนิยมทำกัน จึงต้องมีการทบทวนใหม่ว่า เราอยากให้ลูกทำเงินเป็น “$” หรือ “Baht” ตามที่คุณหมอวีซ่าเทียบให้ดูกันนะคะ เนื่องจากการจบตรีมานั้น วุฒิบัตรจะสามารถรับรองได้โดยทันที แต่ไม่ใช่ปริญญาโทค่ะ!

ในสายแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล ก็ทำนองเดียวกัน ต้องส่งลูกไปเรียนตั้งแต่ระดับปริญญาตรี หรือเป็นไปได้ก็ปูพื้นฐานตั้งแต่ระดับมัธยมเลย อย่างเช่น ถ้าจบตรีพยาบาลจากออสเตรเลีย วุฒิก็จะเป็นที่รับรองได้โดยทันที แทนที่จะต้องไป เรียนซ้ำตรีใหม่ เสียทั้งเวลาและเงินทอง

แล้วในระหว่างเรียนลูกทำธุรกิจในออสเตรเลียได้ไหม?

ก็เป็นอีกคำถามที่ผู้ปกครองถามเข้ามากันมาก มีคุณแม่ท่านหนึ่งมีกิจการทำสปาใหญ่โตมโหฬารในพัทยามาหลายปี ส่งลูกสาวไปเรียนต่อตรีในเมลเบิร์น คุณแม่ท่านนี้โชคดีที่ลูกสาวมีหัว “เช๊งลี้” เหมือนคุณแม่ แถมเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวด้วย ตอนนี้ลูกเรียนตรีไปด้วย เปิด “ร้านสปา นวดแผนไทย” ขนาดย่อมไปด้วยเบ็ดเสร็จ คุณแม่ก็วางแผนอยากให้ลูกได้ PR หลังเรียนจบ เพื่อให้ได้มาซึ่งอีก 1 สัญชาติเป็นสำรองตามเทรนเด็กรุ่นใหม่ เผื่อวันข้างหน้าลูกจะได้เดินทางไปๆกลับๆต่างประเทศได้ และถ้าบ้านเราเกิดวุ่นวายมากในภายภาคหน้า ลูกก็จะได้มีอีกหนึ่งทางเลือกไปอยู่ออสเตรเลียได้ คุณหมอวีซ่าถึงได้บอกว่าชื่นชมคุณแม่นักวางแผนท่านนี้เป็นอย่างยิ่ง และในเมื่อถามมา คุณหมอวีซ่าก็อยากชี้แจงว่า ออสเตรเลียก็มีวีซ่าการจัดตั้งธุรกิจสำหรับนักธุรกิจวัยไฟแรงหนุ่มๆสาวๆยุคใหม่รองรับอยู่ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Established Business in Australia” (SC845)

วีซ่าตัวนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องมีการวางแผนเตรียมตัวให้ลูกตั้งแต่เนิ่นๆ ระหว่างที่ถือวีซ่านักเรียนหรือวีซ่าชั่วคราวตัวอื่นที่ qualify ในออสเตรเลีย วีซ่าตัวนี้เอื้ออำนวยความสะดวกให้เราสามารถอาศัยอยู่อย่างถาวรและดำเนินธุรกิจไปอย่างเต็มที่ในออสเตรเลียได้ เดินทางเข้าออกโดยจะได้รับวีซ่าที่เรียกว่า Resident Return Visa ครั้งละ 5 ปี และเมื่อนับจำนวนปีที่อยู่ในออสเตรเลีย (อย่างถูกต้องตามกฏหมายรวมทั้งช่วงที่ถือวีซ่านักเรียน) ครบ 4 ปีเต็ม และในจำนวนนี้ถือ PR 1 ปี ประกอบกับในปีสุดท้ายอยู่ Australia ครบ 9 เดือนและสอบผ่าน Citizenship Test ลูกก็สามารถได้สัญชาติออสเตรเลียเพิ่มมาอีก 1 สัญชาติเป็น Bonus ชีวิตของเขา และอนาคตยังสามารถสปอนเซอร์พ่อแม่ไปอยู่ร่วมได้อีก แจ๋วไม๊หล่ะ?

จึงเห็นได้ว่า การวางแผนให้ลูกประสบความสำเร็จในอนาคตนั้นต้องอาศัยทั้งกำลังทรัพย์ เวลา และ กำลังสมอง นี่คุณหมอวีซ่ายังไม่ได้เกริ่นถึงกำลังใจซึ่งเป็นตัวหลักเลยนะคะ คุณพ่อคุณแม่ท่านใดสนใจในวีซ่าตัวนี้หรือคุณพี่-ป้า-น้า-อา ทั้งหลายที่มีความคิดอยากเอาลูกหลานมาเรียนพร้อมทำธุรกิจในออสเตรเลียและคิดว่ากำลังทรัพย์น่าจะเข้าข่าย ก็มาคุยกับคุณหมอวีซ่าได้เลยนะคะ ช่วงนี้อยู่กรุงเทพจนถึงปลายๆเดือนตุลาค่ะ

หรือจะมาร่วมงานฟังคำบรรยายจากคุณหมอวีซ่าโดยตรงในงาน “CP International Education Fair”


ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม 2010 นี้ที่โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซสที่มาบุญครอง ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. หัวข้อสัมมนาเพียบ แถมมีชิงรางวัล Blackberry ด้วย แล้วพบกันในวันงานนะคะ…… ดูรายละเอียดได้ที่ cpinternational.com ค่ะ

มีคำถามเกี่ยวกับการสมัครหรือสถานะวีซ่าออสเตรเลียของคุณ? ต้องการสมัครเพื่อศึกษาต่อ ทำงาน หรืออาศัยอยู่ในออสเตรเลีย? สามารถขอคำแนะนำจากทีมคุณหมอวีซ่าได้ที่: